
ชื่อวารสารวิชาการ: วารสารมานุษยวิทยา
ผู้วิจัย: อ.ดร.สุชล มัลลิกะมาลย์
วันที่: 01/2567-06/2567
เมื่อพูดถึง “เรือนชาวเขา” หรือเรือนพื้นถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์บนที่สูงในประเทศไทย ภาพลักษณ์ที่มักปรากฏในงานวิจัยและสื่อมักสะท้อนถึงความเรียบง่ายและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ แต่ลึกลงไปกว่านั้น การตั้งถิ่นฐานและเรือนบนที่สูงเหล่านี้ยังสามารถช่วยในการสะท้อนถึงมิติทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ทางการเมืองข้ามกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ
งานวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับเรือนชาวเมี่ยนในหมู่บ้านภูลังกา จังหวัดพะเยา ได้เปิดเผยมิติใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทบาทของหมู่บ้านและเรือนในฐานะพื้นที่ที่เชื่อมโยง การปกครองและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในอดีต
การทบทวนความเข้าใจในเรือนพื้นถิ่น “ชาวเขา” ในประเทศไทยกรณีศึกษาเรือนชาวเมี่ยน หมู่บ้านภูลังกานี้มุ่งศึกษาประวัติศาสตร์และปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปแบบเรือนและการตั้งถิ่นฐานของชาวเมี่ยน โดยใช้ข้อมูลจากสามแหล่งสำคัญ ได้แก่
- เอกสารจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
- รายงานการสำรวจของนักมานุษยวิทยา
- ความทรงจำของชาวเมี่ยนที่เกิดและเติบโตในพื้นที่
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า เรือนชาวเมี่ยนไม่ได้เป็นเพียงโครงสร้างเพื่อการอยู่อาศัย แต่ยังสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์กับรัฐ รวมถึงสถานการณ์ทางสังคม เช่น ความไม่สงบในยุคสงครามเย็น ซึ่งมีผลต่อรูปแบบและการใช้งานเรือนอย่างมีนัยสำคัญ
ประเด็นที่ค้นพบ
- มิติทางการเมือง:
งานวิจัยพบว่าการใช้พื้นที่ในเรือนของผู้ปกครองชาวเมี่ยนไม่ได้จำกัดอยู่แค่กิจกรรมทางเกษตรกรรมหรือพิธีกรรม แต่ยังเกี่ยวข้องกับการหมู่บ้านและ โครงข่ายของหมู่บ้านในพื้นที่สูง ความสัมพันธ์กับโครงสร้างการปกครองของภาครัฐ - ผลกระทบจากสถานการณ์สังคม:
ในช่วงสงครามเย็น การตั้งถิ่นฐานและรูปแบบเรือนถูกกำหนดโดยข้อจำกัดด้านทรัพยากรจำกัด ทำให้เกิดภาพและความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อรูปแบบและวิธีชีวิตคนของสังคมบนที่สูง - ความทรงจำของคนในพื้นที่:
ข้อมูลจากผู้สูงอายุที่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านภูลังกาให้ภาพชีวิตที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเหตุผล ของการจัดการผังหมู่บ้านและระบบสาธารณูปโภค และโครงข่ายความสัมพันธ์ข้ามกลุ่มชาติพันธุ์
งานวิจัยนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในความเข้าใจเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น แต่ยังเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้ถึงความซับซ้อนของวัฒนธรรมชนเผ่าเมี่ยนผ่านสายตาของคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป





